เป็นบริษัทให้บริการธุรกิจด้านที่ปรึกษาทางวิศวกรรม อย่างเช่น หากมีเจ้าของโครงการอยากจะทำคอนโดมิเนียม ทางเราก็จะรับหน้าที่เป็นตัวแทนเจ้าของโครงการในการตรวจสอบมาตรฐาน และควบคุมการก่อสร้างในทุกๆขั้นตอน เสมือนเป็น Auditor ทางด้านวิศวกรรม
บริษัทก่อตั้งและให้บริการทางด้านที่ปรึกษาวิศวกรรมมาเป็นเวลายาวนานถึง 30 ปี โดยได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เมื่อปี 2012
บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและดำเนินธุรกิจมายาวนาน อีกทั้งยังเป็นบริษัทเดียวในกลุ่มธุรกิจประเภทเดียวกันที่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ตอนนี้บริษัทรับงานเป็นที่ปรึกษาให้กับโครงการสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2, โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, โครงการหลังสวนวิลเลจและหลังสวนปาร์ควิว, โครงการไอคอนสยาม, โครงการคอนโดมิเนียม, โครงการห้างสรรพสินค้าในเครือ Central, Homepro, Tesco Lotus และ Makro และโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น กล่าวได้ว่าบริษัทสามารถรับงานได้หลากหลาย และมีความพร้อมที่จะให้บริการแก่ลุกค้าทั้งทางภาครัฐและเอกชน
สัดส่วนรายได้ของบริษัทมากจากงานภาคเอกชนประมาณ 72% ซึ่งส่วนใหย่มากจากงานก่อสร้างห้างสรรพสินค้าและที่อยู่อาศัย งานภาครัฐประมาณ 22% จากงานพัฒนาสารณูปพื้นฐาน และนอกจากนี้ยังมีรายได้จากกลุ่มประเทศ AEC ที่บริษัทมีโอกาสในการรับงานควบคุมการก่อสร้างอีกด้วย
การแข่งขันทางการตลาดยังคงค่อนข้างรุนแรง แต่บริษัทอาศัยหลักการในการสร้างสัมพัมธ์ที่ดีทั้งกับเจ้าของโครงการและเพื่อนร่วมงาน ทำให้บริษัทได้รับงานเพิ่มเติมจากลูกค้าเดิมอยู่เสมอ และได้รับลูกค้าใหม่จากการบอกต่อถึงคุณภาพทางผลงานของบริษัท ส่วนปัญหาทางได้การตัดราคาก็ยังไม่ค่อยเกิดขึ้นเนื่องจากบริษัทอยู่ในสมาคมธุรกิจก่อสร้างซื้อมีการพูดคุยกันและให้ความร่วมมือเพื่อความเป็นธรรมอยู่เสมอ โดยคาดว่าในปีนี้ทางภาครัฐจะปล่อยงานออกมาเยอะซึ่งแต่ละบริษัทน่าจะได้รับงานอย่างทั่วถึง นอกจากนี้บริษัทยังพัฒนานวัตกรรมขึ้นใช้เอง โดยเรียกว่า Project Live ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่ใช้ในการตรวจวัดคุณภาพของผลงานเพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความแตกต่างทางธุรกิจ
รายได้ของบริษัทจะรับรู้ตามเปอร์เซ็นต์การเสร็จของงาน โดยใช้ต้นทุนในแต่ละเดือนเป็นตัวกำหนด ซึ่งปริมาณการรับรู้รายได้จะเป็นไปในรูปแบบ S curve (โดยในระยะเริ่มต้นโครงการจะมีพนักงานประจำไซด์งานประมาณ 3-4 คน พอ Curve พอเริ่มชันขึ้นบริษัทส่งคนไปเพิ่มขึ้นก็จะรับรู้รายได้มากขึ้น)
บริษัทปันผลเป็นหุ้นเพื่อที่จะทำให้ฐานหุ้นเพิ่มมากขึ้น และเป็นการสำรองไว้สำหรับใช้ในการลงทุนในอนาคต นอกจากนี้หากบริษัทมีการรับงานในส่วนของทางภาครัฐจะต้องมีเงินสำรองไว้เผื่อเป็นค่าประกันสัญญา
รถไฟฟ้าสายสีส้ม มีมูลค่าสัญญาของที่ปรึกษาประมาณ 450 ล้านบาท แต่ว่ามีการจับ partner โดยบรัทจำได้รับสัดส่วนของมูลค่าสัญญาประมาณ 50 % และในปีนี้จะมีการยื่นข้อเสนองานรถไฟฟ้าสายสีชมพู (กลางปี) สายสีเหลือง และสายสีม่วง ซึ่งแต่ละสายจะมีมูลค่าสัญญาที่ปรึกษาประมาณหลักพันล้าน
บริษัทจะใช้บริการที่ปรึกษาที่มาจากภายนอกบางส่วน แต่ก็จะมีพนักงานของบริษัทเป็นผู้ควบคุมงานด้วยตัวเอง
งานที่ปรึกษาจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภท Project management Consultant (PMC) ที่ปรึกษาเพื่อบริหารโครงการ จะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์และมีคุณภาพในการทำงานสูง มีความชำนาญในด้านต่างๆ อาจจะมีการจ้างชาวต่างประเทศบ้าง และ ประเภท Construction Supervision Consultant (CSC) ที่ปรึกษาเพื่อควบคุมงานก่อสร้าง ส่วนใหญ่จะใช้เจ้าหน้าที่คนไทย โดยที่ปรึกษาในแต่ละประเภทนั้นจะต้องมีคุณสมบัติเป็นไปตามที่ทางภาครัฐหรือเจ้าของโครงการระบุไว้
มีการได้รับค่าจ้างเพิ่มเติมตามที่สัญญาระบุไว้ เช่น หากความล่าช้านั้นเกิดจากผู้รับเหมา ผู้รับเหมาก็จะต้องรับผิดชอบค่าที่ปรึกษาเพิ่มเติมในส่วนนี้ หรือหากเกิดจากเจจ้าของโครงการมีการปรับแก้แบบเพิ่มเติม เจ้าของโครงการต้องรับผิดชอบในความล่าช้าดังกล่าวที่เกิดขึ้น
เนื่องจาก
1. มีการตั้งเผื่อค่าหนี้สงสัยจะสูญ ซึ่งมาจากลูกค้าบางโครงการที่ทำการจ่ายเงินล่าช้าไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ ในส่วนนี้บริษัทก็จะตั้งเผื่อไว้ก่อน หากมีการชำระเงินเข้ามาในไตยมาสถัดไปจำนวนเงินก็จะลดลง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมาจากลูกค้าที่มีความน่าเชื่อถือจึงไม่น่ากังวลมากนัก
2. มีการใช้เงินไปในส่วนของการจัดตั้งบริษัทในสิงคโปร์ ซึ่งประกอบด้วยค่าจดทะเบียนและค่าเงินเดือนพนักงาน
เนื่องจากในปีนี้บริษัทมีหนี้สินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจากเดิมซึ่งมาจากการรับเงินล่วงหน้าและการก่อสร้างสำนักงานชั่วคราวของ AOT
บริษัทจะจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นปีละครั้ง โดยในปีนี้ตรงกับวันที่ 27 เมษายน 2560 โรงแรมเดอะ แกรนด์ โฟร์วิงส์ คอนเวนชั่น
0.25 บาท
การปรับสิทธิมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้ หากผู้ถือวอแลนซ์ ต้องการใช้สิทธิในการเปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญจากที่ต้องจ่ายเงิน 0.4 บาท และใช้สิทธิได้ 1 หน่วยต่อ 1 หุ้น เปลี่ยนเป็นจ่ายเงินเพียง 0.333 บาท โดย 1 สิทธิ์จะได้ถึง 1.2 หุ้น
ทางบริษัทจะจ่ายปันผลเป็นหุ้นแก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิม : 1 หุ้นปันผล โดยจะจ่ายปันผลเป็นเงินให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีเศษหุ้นในอัตรา 0.05
ทั้งบริษัท Swan และ PPSD จะได้รับมูลค่างานในการออกแบบประมาณ 200 ล้าน โดยจะแบ่งโครงการออกเป็นสองเฟส เฟส 1 ประมาณ 80 ล้านบาท และเฟส 2 ประมาณ 120 ล้านบาท
ทางผู้บริหารได้มองว่าในปี 2560 มีสัญญาณอันดีที่ทำให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยคาดว่าในปีนี้ทางภาครัฐจะปล่อยงานสารณูปพื้นฐานออกมามากขึ้น ทั้งโครงการในส่วนของรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน การทางรถไฟ หรือการไฟฟ้านครหลวง รวมถึงภาคเอกชนทั้งงานห้างสรรพสินค้า ที่พักอาศัยหรือในส่วนของโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทก็มีความสามารถในการทำงานที่หลากหลายและมีพร้อมที่จะยื่นข้อเสนอในการรับงานทุกๆประเภทที่ออกมา โดยคาดว่าบริษัทจะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมไม่น้อยกว่า 10 %
บริษัทจะมีรายได้ที่รับรู้เข้ามาจากโครงการใหญ่ๆ อย่างเช่น โครงการท่าอากาศสุวรรณภูมิ เฟส 2 (สิ้นสุดสัญญาปี 2563) โครงการ ICON Siam C1 และ C2 โครงการ Luangsuan village & Park view นอกจากนี้ยังมีโครงการห้างสรรพสินค้าและโครงการที่พักอาศัยต่างๆ นอกจากโครงการข้างต้น บริษัทยังมีการยื่นเสนองานใหม่เพิ่มขึ้นทุกเดือน โดยที่ Backlog ที่แจ้งยังไม่รวมโครงการที่สามารถก่อสร้างได้สร้างในระยะสั้น อย่างเช่น โครงการ Lotus, Home Pro หรือ Makro